ในพระวรสารโดยนักบุญลูกา พระเยซูไม่ได้สัญญาว่าเราจะเห็นพระองค์ในโลกนี้ ท่านนำเสนอพระศาสนจักรที่มีวุฒิภาวะคือไม่ต้องหล่อเลี้ยงด้วยการสำแดงพระองค์อีกต่อไป โดยส่วนตัวแล้ว นักบุญลูกาก็ไม่เคยเห็นพระเยซูเจ้า เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จกลับคืนชีพท่านยังไม่ได้รับศีลล้างบาปด้วยซ้ำ ประสบการณ์ของท่าน เกี่ยวกับพระเยซูเจ้าได้มาจากพระคัมภีร์เหมือนกับเรา ท่านจึงสรุปว่า “บรรดาสตรีจึงระลึกถึงพระวาจาของพระองค์ได้ เมื่อกลับจากพระคูหาแล้ว บรรดาสตรีเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้อัครสาวกทั้ง 11 คนและกับศิษย์ทุกคน” (ลก 24:8-9) และนี่ก็คือ พันธกิจของเรา คือการพบพระเยซูเจ้าในพระคัมภีร์ ระลึกถึงพระวาจาของพระองค์ และนำไปบอกเล่าแก่ผู้อื่น
17.7 การประจักษ์ที่ยาวที่สุดในพระวรสารทั้งสี่และขั้นตอนของการกลับใจ
นักบุญลูกาเล่าต่อไปว่า “พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาร่วมเดินทางด้วย” (ลก 24:15) เพื่อให้เขาหยุดเถียงกัน เริ่มฟัง และกลับไปเยรูซาเล็ม เมื่อพระองค์ถามเขา ก็ได้คำตอบที่ถูกต้องว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นประกาศกที่ยิ่งใหญ่ และเล่าไปจนถึงว่าบรรดาสตรียืนยันว่าพระคูหาว่างเปล่าและพวกเธอได้เห็นทูตสวรรค์ซึ่งบอกว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ เปโตรทราบข่าวก็ไปที่นั่นแต่ก็ไม่ได้พบพระองค์ ทั้งสองพูดอย่างละเอียดเหมือนกับครูคำสอนในปัจจุบันแต่ขาดความกระตือรือร้น เป็นความเชื่อที่ไม่ร่าเริงยินดี ซึ่งมิใช่ลักษณะการประกาศข่าวดี
ขั้นตอนการกลับใจของทั้งสองมี 3 ขั้นตอนคือ
1) หยุดถกเถียงกันและฟังพระวาจาที่ทำให้หัวใจของเขาร้อนรนขึ้น
3) การพบกับพระเยซูเจ้า “พวกเขาจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง” (ลก 24:35)
ดังนั้นวันที่เราสามารถมองเห็นพระองค์เป็นปังที่ถูกบิเพื่อผู้อื่น เมื่อนั้นตาของเราก็จะเปิดออกและจำพระองค์ได้ ซึ่งทั้ง 3 ขั้นตอนนี้รวมอยู่ในมิสซา คือ
1) ฟังพระวาจาในภาคบทอ่าน
2) ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า “โดยพระองค์ พร้อมกับพระองค์ และใน พระองค์” และ 3) พบพระเยซูเจ้าในการรับศีลมหาสนิท
เมื่อศิษย์ทั้งสองได้กลับใจแล้ว ทั้งสองก็รีบเดินทางกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองพูดกับเพื่อนเดินทางคนนั้นว่า “จงพักอยู่กับพวกเราเถิด เพราะใกล้ค่ำและวันก็ล่วงไปมากแล้ว” (ลก 24:29) แต่เมื่อหัวใจของเขาชื่นชมยินดี แม้เป็นเวลากลางคืนและหนทางก็อันตราย สิ่งนี้กลับไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น