คำสอน โดย นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์
เรื่อง ความทุกข์ทรมาน
· ความทุกข์ทรมานอยู่คู่กับมนุษย์
ไม่ว่าเราจะเต็มใจรับหรือไม่ก็ตาม
· วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในสวรรค์
· กางเขนคือสิ่งปลอบใจเรา เป็นความหวานและความสุข ขอเพียงแต่เราต้องมีความรักขณะที่เราแบกกางเขนอยู่เท่านั้น
· กางเขนที่หนักที่สุดสำหรับเราคือความกลัวกางเขน...
· ทุกสิ่งที่เราทำมีกางเขนติดอยู่กับเราเสมอ เราหลีกหนีกางเขนไปไม่ได้
· ยิ่งวิ่งหนี กางเขนก็ยิ่งตามไปติดๆ และยิ่งทับถมพวกเขาให้หนักยิ่งขึ้น...
· ผู้ที่เดินไปหากางเขน กลับเดินอยู่ในทางตรงข้ามกับกางเขน
· “แล้วเราล่ะ เราได้ทำอะไรเมื่อถูกนำตัวไปสู่เขากัลวาริโอ?”
· คริสตังที่ดีจะรู้สึกเป็นคนน่าสงสารเมื่อไม่มีกางเขนจะแบก เพราะชีวิตของเขาอยู่คู่กับกางเขน เช่นเดียวกับปลาที่มีชีวิตอยู่ในน้ำ
· ไม่หรอกครับ วันนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บของความเจ็บเมื่อวาน และพรุ่งนี้ผมก็จะไม่เจ็บของความเจ็บในวันนี้”--- “หนูอยากหายไหม?” --- “ไม่หรอกครับ วันก่อนผมซนมากจึงป่วย ถ้าผมหายผมก็อาจเป็นอย่างนั้นอีก ดีแล้วครับคุณพ่อที่ผมเป็นอยู่อย่างนี้
· ความเจ็บป่วย, การผจญล่อลวงและปัญหายุ่งยากต่างๆ คือกางเขนในระดับต่างๆ ที่จะนำเราไปสู่สวรรค์ กางเขนเหล่านี้อยู่กับเราไม่นานก็จะหมดไป...
· กางเขนจึงเป็นบันไดพาดขึ้นสู่สวรรค์...
· มีแต่กางเขนเท่านั้นที่จะทำให้เรามั่นใจในวันพิพากษา
· เมื่อเรามองเห็นกางเขน เราจะกล่าวได้ว่า “ดูสิ พระเจ้าทรงรักเรานะ!”
· ผู้ที่ไม่รักพระมหากางเขนก็อาจได้รับความรอดด้วยความยากลำบากที่สุด
· เมื่อเราไม่มีกางเขน เราก็จะแห้งเหี่ยว แต่เมื่อเรายอมแบกกางเขนโดยดี เราจะรู้สึกชื่นชมยินดี มีความสุขและสดชื่น... นี่คืออารัมภบทของการขึ้นสวรรค์
· หนามแหลมทั้งหลายจะกลั่นเป็นหยดน้ำหอม และพระมหากางเขนจะส่งกลิ่นหอมออกมา แต่เราต้องบีบเค้นหนามด้วยมือของเราเสียก่อน
· กางเขนที่แบกได้อย่างสบาย แบกโดยปราศจากความรักไม่ถือว่าเป็นกางเขน เช่นเดียวกับความทุกข์ทรมานที่ผ่านไปด้วยความสุขสบายก็ไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ทรมาน
· กางเขนที่เราแบกอยู่ในโลกนั้นไม่หนักพอกับรางวัลที่ได้รับบนสวรรค์เลย...
· ถูกแล้วกางเขนมาจากพระ พระให้กางเขนเรา
เพื่อให้เราพิสูจน์ความรักของเราที่มีต่อพระองค์