วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สารวัด วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2011

อาทิตย์ที่ 21  เทศกาลธรรมดา
 ( วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2011 )
รำพึงพระวาจา
พี่น้องที่รัก
ข่าวดี   มัทธิว 16:13-20
(13)พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟิลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร  (14)เขาทูลตอบว่า บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง   (15)พระองค์ตรัสกับเขาว่า ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร  (16)ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า  พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต  (17)พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย  (18)เราบอกท่านว่า ท่านคือศิลาและบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ (19) เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย (20) แล้วพระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้บอกใครว่าพระองค์คือพระคริสตเจ้า
1. ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร
เมืองซีซารียาแห่งฟิลิปเดิมชื่อปานีอาส (Panias) อยู่ห่างจากทะเลสาบ กาลิลีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร พ้นเขตปกครองของกษัตริย์เฮโรด อันติพาส  ประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวยิว พระเยซูเจ้าจึงไม่ถูกประชาชนรุมล้อมและทรงมีเวลาอยู่กับบรรดาอัครสาวกตามลำพัง
ที่เมืองปานีอาส เฮโรดมหาราช (ผู้เป็นพ่อ) ได้สร้างวิหารใหญ่ ทำด้วยหินอ่อนสีขาว เพื่อถวายแด่ซีซาร์ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโรม  ต่อมาฟิลิปบุตรชายได้ต่อเติมและประดับประดาวิหารนี้ให้สวยตระการตายิ่งขึ้นไปอีก แล้วเปลี่ยนชื่อเมืองปานีอาสเป็นซีซารียาซึ่งแปลว่าเมืองของซีซาร์ และเพิ่มชื่อของตนคือ ฟิลิปต่อท้ายเข้าไปด้วย เพื่อให้แตกต่างจากเมืองซีซารียาอีกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ณ เมืองซีซารียาแห่งฟิลิปซึ่งมีวิหารสวยตระการตาถวายแด่ซีซาร์ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้านี้เอง ที่ช่างไม้ชาวกาลิลีผู้ไร้บ้าน ไร้เงินทอง ไร้อนาคตเพราะถูกกล่าวหาว่าสอนผิดความเชื่อจนต้องนับเวลาถอยหลังรอความตาย กำลังตั้งคำถามศิษย์ของตนว่า คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร (มธ 16:13)
ถ้าไม่ใช่พระเจ้าจริง พระองค์คงไม่กล้าตั้งคำถามแบบนี้ที่นี่แน่ !
คำตอบที่ได้คือ บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง (มธ 16:14)
    ยอห์นคือประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้นจนเฮโรด อันติพาสซึ่งสั่งให้ตัดศีรษะของท่านยังหวาดระแวงว่าพระเยซูเจ้าอาจเป็น ยอห์นผู้ทำพิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย เขาจึงมีอำนาจทำอัศจรรย์ได้ (มธ 14:2)
บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์(มธ 16:14)
ชาวยิวถือว่าเอลียาห์คือประกาศกยิ่งใหญ่ที่สุด  ท่านจะกลับมาเพื่อเตรียมทางให้แก่พระเมสสิยาห์ (มลค 4:5)  ทุกวันนี้ ขณะกินเลี้ยงปัสกาชาวยิวยังเตรียมเก้าอี้ว่างไว้สำหรับท่าน โดยหวังว่าท่านยิ่งกลับมาเร็วเท่าใด พระเมสสิยาห์ยิ่งเสด็จมาเร็วเท่านั้น
บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์(มธ 16:14)
ชาวยิวเชื่อกันว่าก่อนบรรพบุรุษของพวกตนจะถูกกวาดต้อนไปกรุง  บาบิโลน เยเรมีย์ได้นำหีบพันธสัญญาและแท่นกำยานออกจากพระวิหารไปซ่อนไว้ในถ้ำแห่งหนึ่งแถบภูเขาเนโบ และจะนำกลับมาประดิษฐานไว้ก่อนพระเมสสิยาห์เสด็จมา เพื่อให้พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ากลับมาอยู่ท่ามกลางประชากรอีกครั้งหนึ่ง (2 มคบ 2:1-12)
เมื่อประชาชนคิดว่าพระเยซูเจ้าคือยอห์นผู้ทำพิธีล้าง หรือประกาศก   เอลียาห์ หรือประกาศกเยเรมีย์ จึงเท่ากับว่า พวกเขายกพระองค์ไว้ ณ จุดสูงสุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งพึงได้รับ เพราะท่านเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เตรียมทางให้แก่พระเมสสิยาห์ผู้เป็นบุตรของพระเจ้า
ทว่าสิ่งที่คนอื่นพูดถึงพระองค์มีหรือจะสำคัญเทียบเท่าความเชื่อของตนเอง พระองค์จึงตรัสถามบรรดาอัครสาวกว่า ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร(มธ 16:15)
เปโตรทูลตอบว่า พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต(มธ 16:16)
คำตอบของเปโตรคงช่วยให้พระเยซูเจ้าใจชื้นขึ้นเป็นกอง เพราะอย่างน้อยก็ยังมีคนหนึ่งที่รับรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นใครและทรงเป็นอะไร
คำว่า พระคริสตเจ้า เป็นภาษากรีก  ส่วน พระเมสสิยาห์ เป็นภาษาฮีบรู  ทั้งสองคำมีความหมายเดียวกันคือ ผู้ที่ได้รับการเจิม
เพราะฉะนั้น หากจะถามว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร คำตอบแบบเปโตรก็คือ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต  และถ้าจะถามว่าพระองค์เป็นอะไร คำตอบก็คือ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ให้เป็นกษัตริย์ เพื่อกอบกู้มวลมนุษย์ให้รอดพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณ
จากเหตุการณ์ที่เมืองซีซารียาแห่งฟิลิป เราอาจสรุปแนวทางดำเนินชีวิตได้สองประการ
1.   แม้เราจะยกพระเยซูเจ้าไว้สูงสุดจนเทียบชั้นกับประกาศกเอลียาห์และเยเรมีย์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการรู้จักพระองค์
    สมดังคำพูดของจักรพรรดินโปเลียนที่ว่า ข้าพเจ้ารู้จักมนุษย์มากมายหลายคน แต่พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นมากกว่ามนุษย์
    ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย (มธ 16:17)
    พูดง่ายๆ คือ เป็นพระบิดาที่ทรงเปิดเผยให้เปโตรรู้จักพระเยซูเจ้า
    ดังนั้น เราจึงต้องหมั่นวอนขอพระบิดาเจ้า โปรดให้เรารู้จักพระเยซูเจ้ามากขึ้น จะได้รักและดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์มากขึ้น
2.   ไม่เป็นการเพียงพอที่จะรู้จักพระเยซูเจ้าโดยอาศัยคำบอกเล่าของผู้อื่น  เราต้องค้นให้พบและรู้จักพระองค์ด้วยตัวของเราเอง
    หากพระองค์ตรัสถามเราว่า ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร เราต้องตอบด้วยตัวของเราเองให้ได้ไม่ว่าเราจะเป็นใครหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม
    ไม่เว้นแม้แต่ปิลาตซึ่งถามพระองค์ว่า ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ ก็ยังต้องกลับไปค้นหาคำตอบด้วยตนเองเพราะพระองค์ทรงย้อนว่า ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา (ยน 18:33-34)
    เราอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์ หรือเทววิทยา หรือคำสอน  แต่ตราบใดที่เราไม่สามารถค้นพบและรู้จักพระองค์ด้วยตัวของเราเอง ตราบนั้นความรู้ที่ร่ำเรียนมาย่อมเป็นเพียงความรู้มือสองที่ช่วยให้เรา รู้เกี่ยวกับ   พระเยซูเจ้า...
    แต่ยังไม่ รู้จัก พระองค์ !
2. ท่านคือศิลาและบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา
คำที่ใช้ในต้นฉบับภาษากรีกคือ ท่านคือ เปตรอสและบนเปตรานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา (มธ 16:18)
คำกรีก เปตรอส (Petros) คือ เปโตร เป็นชื่อเฉพาะ ไม่มีคำแปลอื่น  ส่วน เปตรา (petra) แปลว่า ศิลา
เพราะฉะนั้นหากแปลตามต้นฉบับย่อมได้ความว่า ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา
    ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของชาวยิวซึ่งถือว่า ศิลา คือองค์พระเป็นเจ้าเอง
-  พระองค์ทรงเป็นศิลา พระราชกิจของพระองค์ก็ดีพร้อม (ฉธบ 32:4)
-  “บรรดาศัตรูน่าจะเข้าใจว่า พระผู้ปกป้องเขาไม่เหมือนเรา ซึ่งเป็นศิลาแห่งอิสราเอล” (ฉธบ 32:31)
    -  ไม่มีผู้ใดศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระยาห์เวห์ ไม่มีศิลาใดเหมือนพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย (1 ซมอ 2:2)
    -  ใครเล่าเป็นพระเจ้านอกจากพระยาห์เวห์ ใครเล่าเป็นหลักศิลาถ้าไม่ใช่พระเจ้าของเรา (สดด 18:2, 31)
    ส่วนในพระธรรมใหม่ ศิลา คือองค์พระเยซูเจ้าเอง
    -  บรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม (อฟ 2:20)
    - รากฐานที่วางไว้แล้วนี้คือพระเยซูคริสตเจ้าและไม่มีใครวางรากฐานอื่นได้อีก (1 คร 3:11)
    - จงเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลาทรงชีวิตซึ่งมนุษย์ละทิ้งไป แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้และมีค่าประเสริฐ .... ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราเลือกศิลาประเสริฐและวางไว้ในนครศิโยนเป็นศิลาหัวมุม ทุกคนที่มีความเชื่อในศิลานี้จะไม่ต้องอับอายเลย’” (1 ปต 2:4,6)
จากพระคัมภีร์ที่ยกมาแสดงว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็น ศิลาหัวมุม และทรงเป็นรากฐานแท้จริงของพระศาสนจักร  หากปราศจากพระองค์ พระศาสนจักรย่อมไม่อาจตั้งอยู่ได้
แต่ด้วยเจตนาเล่นคำ ชื่อของ เปโตร ในภาษากรีกจึงถูกแปลตามชื่อในภาษาอาราไมอิก เคฟาส (Kephas) ซึ่งบังเอิญหมายถึง ศิลา  เราจึงได้สำนวนแปลว่า ท่านคือศิลาและบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา (มธ 16:18)
ใช่ เปโตรคือ ศิลา แต่ไม่ใช่ ศิลาหัวมุม
ท่านคือ ศิลาแรก ของพระศาสนจักรซึ่งพระองค์กำลังสถาปนาขึ้น เพราะว่าท่านเป็น มนุษย์คนแรก ที่รู้และเชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือพระคริสตเจ้า บุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต (มธ 16:16)
ด้วยเหตุที่เปโตรเป็นสมาชิกคนแรกของพระศาสนจักร  ท่านจึงเป็นรากฐานและเป็นเสมือนเชื้อแป้งที่ทำให้มีสมาชิกคนอื่นตามมาอีกมากมายทุกยุคทุกสมัย
ส่วนผู้ก่อตั้งและเป็น ศิลาหัวมุม ของพระศาสนจักรคือองค์พระเยซู คริสตเจ้าเอง !
เพราะฉะนั้น หากเรารักนักบุญเปโตรผู้เป็นศิลาแรกมากเท่าใด เรายิ่งต้องรักพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นศิลาหัวมุมมากขึ้นเท่านั้น
3. ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้
เราอาจเข้าใจความหมายของ ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ (มธ 16:18) ได้ดังนี้
    ประตู มีไว้เพื่อ ปิด ควบคุม กักขัง จำกัดเขต
    นรก ตรงกับภาษากรีก “ades” (อาเดส) และภาษาอังกฤษ “Hades”   (เฮดีส) ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรคือ สถานที่ที่มองไม่เห็น   เดิมชาวยิวเชื่อว่าคนตายทุกคนไม่ว่าดีหรือเลวจะไปรวมกันอยู่ในสถานที่ที่มองไม่เห็นนี้ คำ เฮดีส แรกเริ่มจึงหมายถึงแดนผู้ตาย แต่ต่อมาพัฒนาเป็นสถานที่สำหรับคนบาปพักรอการตัดสิน และหมายถึงนรกในที่สุด
    เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ จึงหมายความว่า ประตูแห่งแดนผู้ตายไม่มีทางปิดขังคนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพระศาสนจักรได้เลย
    เพราะคนคนนั้น คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต (มธ 16:16)
    พระองค์ทรงกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อทำนายถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์เอง ซึ่งเปโตรได้ประกาศยืนยันความจริงนี้ในวัน  เปนเตกอสเตว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพ พ้นจากอำนาจแห่งความตาย เพราะความตายยึดพระองค์ไว้ใต้อำนาจอีกต่อไปไม่ได้ และอีกตอนหนึ่งว่า เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งข้าพเจ้า (คือพระเยซูเจ้า) ไว้ในแดนผู้ตาย และจะไม่ทรงปล่อยผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้เน่าเปื่อย (กจ 2:24, 27)
นอกจากเป็นการทำนายถึงการกลับคืนพระชนมชีพแล้ว เราอาจเข้าใจความหมายอีกนัยหนึ่งว่า ประตูนรกคืออำนาจแห่งความชั่วร้าย ซึ่งไม่มีทางจะเอาชนะหรือทำลายพระศาสนจักรของพระเยซูคริสตเจ้าได้เลย
4. สิทธิและหน้าที่ของพระศาสนจักร
เพื่อให้พระศาสนจักรบนความเชื่อของเปโตรมีความมั่นคง พระเยซูเจ้าทรงมอบสิทธิและหน้าที่พิเศษให้แก่ท่านด้วย
1.   เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ (มธ 16:19)
ในพระธรรมใหม่ ผู้ถือกุญแจคือพระเยซูเจ้าเอง เราเป็นผู้มีชีวิต เราตายไปแล้ว แต่บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ตลอดนิรันดร เรามีอำนาจ (ต้นฉบับภาษากรีกคือ kleis แปลว่า กุญแจ) เหนือความตายและเหนือแดนผู้ตาย (วว 1:18)
และ พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงสัตย์ ผู้ทรงถือกุญแจของกษัตริย์ดาวิด เมื่อพระองค์ทรงเปิด ไม่มีผู้ใดปิดได้ และเมื่อพระองค์ทรงปิด ก็ไม่มีผู้ใดเปิดได้ (วว 3:7)
ข้อความหลังนี้ช่างคล้ายกับพระวาจาของพระเจ้าที่มีถึงเอลียาคิมผ่านทางประกาศกอิสยาห์ว่า เราจะวางลูกกุญแจของวังดาวิดไว้บนบ่าของเขา เขาจะเปิดและไม่มีผู้ใดปิด เขาจะปิดและไม่มีผู้ใดเปิด (อสย 22:22) นั่นคือ พระองค์ทรงตั้งเอลียาคิมให้เป็นผู้จัดการราชสำนักของดาวิดแทนเชบนา มีอำนาจเต็มในการสั่งเปิดประตูพระราชวังในยามเช้า และปิดในยามเย็น
หมายความว่า พระเยซูเจ้าทรงมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์แก่เปโตร เพื่อให้ท่านเป็นผู้ดูแลอาณาจักรสวรรค์และ เปิดประตูต้อนรับคนทุกชาติ ทั้งที่เป็นยิวและไม่ใช่ยิว
        ดังที่ท่านได้เปิดประตูต้อนรับดวงวิญญาณสามพันดวงในวันเปนเต-กอสเต (กจ 2:41) รวมถึงดวงวิญญาณของโครเนลิอัสซึ่งเป็นนายทหารต่างชาติ (กจ 10) อีกทั้งในการประชุมที่กรุงเยรูซาเล็ม ท่านได้ผลักดันให้ข่าวดีเผยแผ่ไปสู่คนต่างศาสนาด้วยการยืนยันว่า เพื่อให้มนุษย์อื่นๆ แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมกับนานาชาติ (กจ 15:17)
2.   ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย (มธ 16:19)
คำว่า ผูก และ แก้ เป็นสำนวนที่ชาวยิวนิยมใช้กับคำตัดสินด้านกฎหมายของอาจารย์หรือรับบีผู้มีชื่อเสียง  ผูกหมายถึงไม่อนุญาต และแก้หมายถึงอนุญาต
เท่ากับว่าพระเยซูเจ้าทรงมอบภาระรับผิดชอบอันหนักหน่วงไว้บนบ่าของเปโตร ท่านต้องให้คำแนะนำและนำพาพระศาสนจักร  ท่านต้อง ตัดสินใจ ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต ซึ่งการตัดสินใจของท่านย่อมส่งผลอันใหญ่หลวงต่อวิญญาณของมนุษย์ทั้งในโลกนี้และชั่วนิรันดร
และนี่คือความยิ่งใหญ่ของเปโตร  เพราะท่านคือผู้สืบสานภารกิจของพระคริสตเจ้า บุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต
               
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่าน
คุณพ่อธีระ  กิจบำรุง
(บทความคัดลอกจากคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น