วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

 เสียงเคาะที่ประตู
                            William A. Trumm เมืองแคนบี รัฐโอเรกอน
เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่ ผมรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปช้ามาก  ซึ่งตรงข้ามกับเมื่อมีอายุมากขึ้น  ช่วงที่ผมเป็นวัยรุ่นนั้น  ทั้งผมและพี่ชายน้องชายทั้งสองอยู่กับพ่อแม่ในฟาร์มที่เมืองซาเล็ม รัฐโอเรกอน  คุณพ่อนอกจากเป็นเกษตรกรแล้วยังทำธุรกิจอื่นด้วย   ก่อนเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทั่วโลก (ค.ศ.1929-34) คุณพ่อยังเป็นพ่อค้าซื้อขายรถยนต์ด้วย  ทุกครั้งที่คุณแม่เข้าเมือง  คุณแม่จะพาผมกับน้องชายไปอยู่ที่ร้านซื้อขายรถยนต์ของคุณพ่อและเราทั้งสองก็จะใช้รถยนต์เป็นที่เล่นซ่อนหากัน!
ปกติทุกค่ำที่บ้านจะสวดสายประคำกันในเทศกาลพระคริสตาคมและเทศกาลมหาพรต  ส่วนในเทศกาลอื่นๆ ก็มีการสวดสายประคำกันอยู่บ้างแต่ไม่ได้สวดทุกวัน  ผมยังจดจำภาพของตัวเองขณะที่กำลังคุกเข่าสวดเมื่อยังเป็นเด็กอยู่ได้ดี
ระหว่างที่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่นั้น   ผู้คนไม่สามารถหาเงินได้รวมทั้งที่บ้านผมด้วย  ความยากลำบากเกิดขึ้นทุกหัวระแหง  คุณแม่เป็นช่างเย็บผ้าและเคยเย็บผ้าทำเสื้อหล่อของพระสงฆ์และชุดเด็กช่วยมิสซานับจำนวนไม่ถ้วนเมื่อไม่มีงานและกิจการซื้อขายรถยนต์ของคุณพ่อก็ไปไม่รอด  คุณพ่อจึงเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้าขายม้าแทน และที่สุดเปลี่ยนเป็นพ่อค้าขายแกะเพื่อเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ


สัปดาห์ที่ผมยังจำได้ไม่มีวันลืมก็เกิดขึ้นในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่นี้   ขณะนั้นครอบครัวของเราเหลือเวลาอยู่ในบ้านอีกเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะถูกยึด  พวกเราทราบดีว่าหากไม่เกิดอัศจรรย์กับเราในเร็ววันละก็ พวกเราจะไม่มีบ้านอยู่กันอย่างแน่นอนเพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถหาเงินมาผ่อนค่างวดส่งบ้านได้อีก  ตลอดสัปดาห์นั้น หลังอาหารเย็นคุณแม่ให้พวกเราทุกคนคุกเข่าสวดสายประคำก่อนนอนทุกคืน
หลังจากสวดสายประคำเช่นนี้ได้เกือบครบสัปดาห์ พวกเราก็ทราบดีว่าวันรุ่งขึ้นทางธนาคารจะส่งคนมาปิดบ้านของเรา  พวกเราทุกคนเป็นกังวลกันอย่างมาก  แต่แล้วในคืนวันสุดท้ายขณะที่เรากำลังสวดสายประคำทศสุดท้ายอยู่ก็มีเสียงเคาะที่ประตูบ้าน
ผมลุกขึ้นไปเปิดประตู  ชายที่เคาะประตูถามหาคุณพ่อและบอกท่านว่า หลายปีก่อน ผมซื้อรถของคุณไปคันหนึ่ง และยังเป็นหนี้คุณอยู่อีก 10 ดอลล่าร์ซึ่งผมจะขอใช้ให้ในตอนนี้
 เสียงเคาะประตูในค่ำวันนั้นช่างเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดที่พวกเราเคยได้ยิน!  เพราะเงิน 10 ดอลล่าร์ที่คนแปลกหน้านำมาชำระหนี้ให้เราในคืนนั้นทำให้บ้านของเรารอดจากการถูกยึดได้อย่างหวุดหวิดที่สุด

** แปลจากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary” เรื่อง  “A Knock at the Door”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น