วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สารวัด วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2012

สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า
 ( วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2012 )
รำพึงพระวาจา
พี่น้องที่รัก
ข่าวดี   ลูกา 2:16-21
      (16) เขาจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า  (17)เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร  (18)ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง (19)ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรงคำนึงถึงอยู่  (20)คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้
(21)เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องทรงเข้าสุหนัต เขาถวายพระนามพระองค์ว่าเยซู เป็นพระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมารดา

      พระวรสารทั้งสี่กล่าวถึงพระนางมารีย์ไม่มากนัก กระนั้นก็ตามลูเธอร์ซึ่งเป็นผู้นำการปฏิรูปของโปรแตสแตนท์ ยังยอมรับว่าพระวรสารได้ยกย่องพระนางมารีย์เป็นอย่างมาก โดยเรียกพระนางว่า มารดาของพระเยซูเจ้า ถึง 8 ครั้งด้วยกัน !
      โดยเฉพาะพระวรสารวันนี้ที่ยืนยันว่า หลังทราบข่าวดีจากทูตสวรรค์แล้ว บรรดาคนเลี้ยงแกะ จึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารบรรทมอยู่ในรางหญ้า (ลก 2:16)
      เท่ากับคนเลี้ยงแกะได้เห็นและเป็น ประจักษ์พยาน ยืนยันว่า พระนางมารีย์ได้ให้กำเนิดพระกุมาร ซึ่งได้รับการถวายพระนามว่า เยซู ในวันที่ทรงเข้าสุหนัต (ลก 2:21)
      มีประจักษ์พยาน !
      นอกจากลูกาแล้ว มัทธิวยืนยันเช่นกันว่า นางให้กำเนิดบุตรชาย  โยเซฟตั้งชื่อกุมารนั้นว่า เยซู (มธ 1:25)
      ส่วนยอห์นกล่าวถึงพระเยซูเจ้าว่าทรงเป็น พระวจนาตถ์ผู้ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา (ยน 1:14) ที่สำคัญท่านย้ำว่า พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และ พระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า (ยน 1:1)
      ในเมื่อพระนางมารีย์คือมารดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระวจนาตถ์ และพระวจนาตถ์ทรงเป็นพระเจ้าเช่นนี้แล้ว
      พระนางจึงเป็น พระมารดาของพระเจ้า อย่างไม่ต้องสงสัย !
      ด้วยเหตุนี้ บรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักรอย่างเช่น นักบุญอิกญาซีโอ (เกิดปี 50) นักบุญอีเรเนอุส (เกิดระหว่างปี 115-125)  และแตร์ตุลเลียน (เกิดราวปี 160) จึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเรียกพระนางมารีย์ว่า มารดาของพระเจ้า
      ที่สุด สภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสจึงประกาศให้พระนางเป็น Theotokos (เธโอโตคอส) ซึ่งหมายถึง มารดาของพระเจ้า ในปี ค.ศ. 431
นอกจากเป็นมารดาของพระเจ้าแล้ว ออรียิน (เกิดปี 185) ยังเริ่มจุดประกายความคิดว่าพระนางมารีย์ทรงเป็น มารดาของผู้มีความเชื่อทุกคน ด้วยเหตุผลว่าในเมื่อทรงเป็นมารดาของพระเยซูเจ้า ก็ควรเป็นมารดาของทุกคนที่เชื่อและมีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ด้วย
นับจากศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา นักเทวศาสตร์เริ่มอธิบายพระดำรัสของพระเยซูเจ้าที่ตรัสจากไม้กางเขนกับพระมารดาว่า แม่ นี่คือลูกของแม่ และกับนักบุญยอห์นว่า นี่คือแม่ของท่าน (ยน 19:26-27) ว่าเป็นการแต่งตั้งพระนางมารีย์ให้เป็น มารดาของเราทุกคน  และความคิดนี้ได้แพร่หลายไปทั่วพระศาสนจักรตราบจนทุกวันนี้ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 2 ประการ คือ
      1.    ต้องมีมารดาเหนือเอวา เหตุว่าเอวาเป็นเพียงมารดาตามธรรมชาติที่ให้กำเนิดได้แต่ร่างกาย จำเป็นต้องมีมารดาเหนือธรรมชาติซึ่งก็คือพระนางมารีย์มารดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตนิรันดร
      2.    เราคือ น้อง ของพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็น บุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก (รม 8:29)  ดังนั้น นับจากวินาทีที่พระนางมารีย์ตรัสตอบทูตสวรรค์ว่า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด (ลก 1:38) พระนางจึงกลายเป็นมารดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็น พี่ชาย ของเรา และในเวลาเดียวกันก็ทรงเป็นมารดาของเราผู้เป็น น้องชาย ของพระองค์ด้วย
      ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวคือ ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด พระนางมารีย์ได้กลายเป็นมารดาของพระเยซูเจ้า และ พระชนนีของพระเจ้า ซึ่งเราร่วมใจกันสมโภชในวันนี้
และด้วยคำพูดเดียวกันนี้เอง พระนางได้กลายเป็น มารดาของเราทุกคน ด้วย
น่าภูมิใจสักเพียงใดที่  มารดาของเรา ทรงเป็น มารดาของพระเจ้า !
และจะยิ่งน่าชื่นชมยินดีมากกว่านี้สักเพียงใดหากเราเป็น ลูก ที่พร้อมจะกล่าวเช่นเดียวกับ แม่ ของเราว่า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด
เพราะเราจะได้เป็นทั้ง ลูกแม่ และ ลูกพระเจ้า พร้อมกันในวันนี้ !
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่าน
คุณพ่อธีระ  กิจบำรุง
(บทความคัดลอกจากคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น