การกลับคืนพระชนมชีพ
เมื่อพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ “ม่านในพระวิหารฉีกขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่ด้านบนลงมาถึงด้านล่าง” (มก 15:38) หมายถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นการเผยแสดงถึงองค์พระเจ้า ตั้งแต่นี้ต่อไป พระเจ้าไม่ทรงซ่อนพระองค์อีกต่อไป ความงามและความลึกลับได้ถูกเปิดเผยเพราะกางเขน ถ้าเราต้องการมองเห็นพระเจ้า ให้มองไปที่กางเขน ที่นั่นเราจะเห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “ไม่มีความรักใดใหญ่ยิ่งเกินกว่าการยอมพลีชีพเพื่อคนที่เรารัก” พระวรสารบรรลุจุดประสงค์ได้ก็เนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
นักบุญมาระโกไม่แยกการบรรยายพระมหาทรมานออกจากการกลับคืนพระชนมชีพ ท่านกล่าวว่า “การสูญเสียชีวิตคือการรักษาชีวิต” เป็นความจริงที่ว่า การตายต่อตนเองทำให้เป็นอิสระ เราต้องทิ้งความเห็นแก่ตัว เพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้เป็นอิสระ อิสรภาพไม่ได้เกิดขึ้นภายหลังเหมือนเป็นรางวัล แต่อิสรภาพคือการตายต่อตัวเอง
เรื่องการกลับคืนพระชนมชีพที่มาระโกเล่า เริ่มด้วย “เมื่อวันสับบาโตล่วงไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และนางซาโลเม ซื้อเครื่องหอมเพื่อชโลมพระศพของพระเยซูเจ้า” (มก 16:1) วันสับบาโตเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ 6 โมงเย็นไปจนถึงวันเสาร์ 6 โมงเย็น ตลาดจึงปิดตั้งแต่วันศุกร์ 6 โมงเย็น และเมื่อเริ่มเปิดในวันเสาร์เย็น สตรีใจศรัทธาจึงรีบไปซื้อเครื่องหอมทันทีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับชโลมพระศพในเช้าวันอาทิตย์ เพราะร่างของพระเยซูเจ้าเปื้อนเลือดมาสองวันแล้ว
มาระโกต้องการให้เราตระหนักด้วยว่า นี่คือการจบเรื่องอิสราเอลเก่า และพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์) จะเป็นการเริ่มต้นพระศาสนจักร เรื่องของสตรีใจศรัทธาจึงเป็นสะพานเชื่อมโยงพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ สตรีเหล่านี้จะเป็นผู้ส่งข่าวการกลับคืนพระชนมชีพ วันสับบาโตต้องหลีกทางให้แก่วันอาทิตย์ของคริสตชนซึ่งตั้งแต่นี้ต่อไปจะเป็นวันของพระเจ้า
เมื่อไปถึงก็ประหลาดใจที่พบว่า ก้อนหินใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตรกลิ้งออกไปแล้ว และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเข้าไปในอุโมงค์ แทนที่จะพบพระศพที่ห่อผ้าวางไว้เมื่อสองวันก่อน กลับพบชายหนุ่ม 2 คนสวมชุดขาวนั่งอยู่ทางขวา และในอุโมงค์นั้นแทนที่จะมืดกลับสว่างจ้า ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวว่า “อย่ากลัวไปเลย ท่านกำลังมองหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ถูกตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์มิได้ประทับอยูที่นี่... จงไปแจ้งบรรดาศิษย์และเปโตร” (มก 16:6-7) พวกเธอเป็นสาวกของอัครสาวก ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่เขียนว่า สาวกกลุ่มแรกของการกลับคืนพระชนมชีพคือพวกผู้หญิง ซึ่งเป็นความประหลาดใจทีเดียวของพระศาสนจักร ทั้งที่เปโตรน่าจะเป็นคนแรกที่ทราบข่าว แต่ท่านไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเยซูเจ้า อย่างไรก็ตามพระเยซูเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อบุคคลที่พระองค์ทรงเลือก
เทวดาบอกต่อไปว่า “พระองค์เสด็จล่วงหน้าท่านทั้งหลายไปในแคว้นกาลิลีแล้ว” (มก 16:7) ตลอดพระวรสารโดยนักบุญมาระโก พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินไปข้างหน้าเราเพื่อแสดงถึง “ตามเรามาเถิด” และเป็นที่กาลิลี เพราะเป็นสถานที่แรกที่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะให้ผู้รับเลือกเป็นชาวประมงจับมนุษย์
กาลิลีสำหรับเราคือสถานที่ที่มีคนทั้งชายและหญิงที่เราจะรัก ช่วยเหลือ นำความสว่างไปให้ กาลิลีคือที่ที่ผู้คนต้องการพระเยซูเจ้า กาลิลีหมายถึงงานแพร่ธรรมประจำวันของพระเยซูเจ้า มีการภาวนาบนภูเขา การทวีขนมปังและฝูงชนที่อดอยาก ทุกๆ วัน เราไปกับพระเยซูเจ้า “ท่านจะพบพระองค์ที่กาลิลี” ในตอนเริ่มต้นพระวรสาร พระองค์ทรงสัญญาที่กาลิลีจะทำให้เราเป็นชาวประมงจับมนุษย์ ในตอนจบเราพบว่า เรากำลังจับปลากับพระองค์ที่กาลิลี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น